Thermage และ Ulthera เป็นเทคโนโลยีความงามยอดนิยม ที่ช่วยยกกระชับผิวหน้า ลดเลือนริ้วรอย โดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ใบหน้าไม่เรียว แต่ทั้ง Thermage และ Ulthera ก็มีจุดเด่น และความแตกต่าง บทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัย เพื่อให้คุณเลือกเทคนิคที่เหมาะกับตัวเอง
เทคโนโลยีที่ใช้
Thermage ใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency) ส่งผ่านความร้อนไปยังชั้นหนังแท้ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวหน้าเต่งตึง ยกกระชับ
Ulthera ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (Focused Ultrasound Energy) ส่งผ่านชั้นผิวไปยังชั้น SMAS กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหน้าเต่งตึง ยกกระชับ
จุดเด่น
Thermage เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ไม่มาก เน้นปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับ กระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสติน ช่วยให้ผิวดูมีสุขภาพดี ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ
Ulthera เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ค่อนข้างมาก ต้องการยกกระชับผิวหน้า โดยเฉพาะบริเวณใต้คาง เหนียง และ แก้ม เห็นผลลัพธ์ชัดเจน กรอบหน้าชัดขึ้น
ความเจ็บระหว่างการทำ
Thermage รู้สึกเหมือนเข็มจิ้มเบาๆ หรือ ร้อน ขึ้นอยู่กับความทนต่อความร้อนของแต่ละคน
Ulthera อาจรู้สึกเหมือนเข็มจิ้มมากกว่า Thermage เนื่องจากคลื่นเสียงความถี่สูง แต่แพทย์จะทายาชา เพื่อลดอาการเจ็บ
ผลลัพธ์
Thermage เริ่มเห็นผล 2-3 เดือน ผลลัพธ์คงอยู่ ประมาณ 1-2 ปี
Ulthera เริ่มเห็นผล 2-3 เดือน ผลลัพธ์คงอยู่ ประมาณ 1-2 ปี
ค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายของทั้ง Thermage และ Ulthera ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำ และความรุนแรงของปัญหาผิว โดยทั่วไป Thermage มีราคาแพงกว่า Ulthera
สรุป
Thermage เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ไม่มาก เน้นปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับ ฟื้นฟูคอลลาเจน และอีลาสติน
Ulthera เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ค่อนข้างมาก ต้องการยกกระชับผิวหน้าให้ชัดเจน
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ก่อนตัดสินใจ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพผิว และเลือกเทคนิคที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และปลอดภัย